ปิ๊กบ้านเกิดในรอบ 17 ปี ของนายทักษิณ ชินวัตร กับการคืนเฮือนเมืองเจียงใหม่ โดยเลือกอุทยานหลวงราชพฤกษ์ เป็นสถานที่แรก เนื่องจากเป็นพื้นความทรงจำ ในฐานะผู้ริเริ่มสร้างสรรจัดงานมห กรรมพืชสวนโลก เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2549 – 31 ม.ค. 2550 ซึ่ง “ทักษิณ”ผลักดันครั้งเมื่อดำรงตำแหน่งตำแหน่งนายกฯ
แต่หลังจากถูกรัฐประหารไปเมื่อ ก.ย.2549 เป็นเหตุให้ “ทักษิณ”ไม่ได้อยู่ดูความสำเร็จของงาน การกลับมา ณ ที่นี่จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเสมือนการได้มาระลึกถึงผลงานด้วย
หากเปิดกำหนดการที่แน่นเอี๊ยดทั้ง 3 วัน ของ”ทักษิณ”ในฐานะบุคคลที่เพิ่งพักฟื้นจากอาการป่วย หลังได้รับสิทธิ์พักโทษตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. นอกจากเดินสายกราบไหว้บรรพบุรุษและสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ แล้วมีแถมสอดไส้ดูงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย
อ่านข่าว : “ทักษิณ” สักการะศาลหลักเมือง ก่อนไปเชียงใหม่ – ยังใส่เฝือกที่คอ
ดีเดย์เดินสาย แต่เช้ามืด ออกเดินทางจากบ้านจันทร์ส่องหล้า “ทักษิณ”ถือฤกษ์ 05.15 น. เข้าสักการะศาลหลักเมืองกรุงเทพ ด้วยเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงิน สีมงคลประจำวันนี้ ใส่เฝือกอ่อนที่คอ แต่ที่แขนไม่ได้ใส่ ก่อนขึ้นเครื่องบินส่วนตัวเดินทางไปเชียงใหม่ด้วยเครื่องบินส่วนตัวที่เชียงใหม่ในเวลา 08.30 น. โดยมาพร้อมกับ “อิ๊งค์ แพทองธาร” บุตรสาว และครอบครัว
อ่านข่าว : เช็กเรตติ้ง “ทักษิณ” ปิ๊กบ้านเชียงใหม่ 14-16 มี.ค.นี้
มาถึงท่าอากาศยานทหารกองบิน 41 ในเวลา 09.30 น. มีอดีตนายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เดินทางมารอรับชื่นมื่นรวมไปถึง “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาดูแลความปลอดภัยด้วย และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่รอต้อนรับที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ว่าวันเสาร์นี้ ทักษิณจะได้เจอกับ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ด้วย
อ่านข่าว : “ทักษิณ” ถึงเชียงใหม่แล้ว “สมชาย-เยาวภา” มารอรับชื่นมื่น
ขณะที่ เมื่อคืนที่ผ่านมามีการเผยแพร่ภาพและคลิปทักษิณ ผ่านสำนักข่าว the room 44 เดินทางไปที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร สวมใส่สูทสีดำและไม่มี เฝือกที่คอและแขน ดังที่ภาพปรากฏให้เห็นในวันนี้
การปรากฏตัวครานี้ตัวของทักษิณต่อสาธารณะ อาจจะมองได้ทั้งนัยของคนที่ไม่ได้กลับบ้านมานานกว่า 17 ปี หลังผ่านมรสุมต่างๆ มาแล้วและนัยทางการเมืองที่พรรคเพื่อไทยในฐานะเป็นแกนนำรัฐบาล และมองไปข้างหน้าถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่ ขณะเดียวกันอาจเป็นอีกเส้นทางหนึ่งในการปูพรมให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทยหรือไม่
อ่านข่าว : เปิดภาพ “ทักษิณ ชินวัตร” ล่าสุด ถึงเชียงใหม่ ลงเครื่องบินแล้วไปไหนบ้าง
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทักษิณเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางการเมือง และการเดินทางกลับเชียงใหม่ครั้งนี้อาจส่งผลต่อการเมืองระดับท้องถิ่น การเลือกตั้ง อบจ. เร็วๆ นี้ รวมถึงการเลือกตั้งระดับชาติ ที่เรียกว่า การทวงคืนพื้นที่ทางการเมือง ซึ่งจะต้องจับตาดูเป็นกลยุทธ์ทางการเมือง หรือเพียงต้องการกลับบ้านเกิดเท่านั้น
ยังไม่หายสงสัย รังสิมันต์ โรม สส.พรรคก้าวไกล ตั้งข้อสังเกตเรื่องปัญหาสุขภาพ ที่ได้รับข้อมูลจากทางรัฐบาลมาโดยตลอดว่า ทักษิณมีสุขภาพที่แย่ แต่เมื่อผ่านไปไม่กี่วัน ออกจากโรงพยาบาลไปอยู่บ้าน และเดินทางกลับไปเชียงใหม่ ทำให้เกิดความคาใจรัฐบาลหลอกประชาชนหรือไม่
ถ้ารัฐบาลหลอกเรา ไม่ตรงไปตรงมากับประชาชน คิดว่าเป็นรัฐบาลใช้ไม่ได้ ดังนั้นถ้าคุณทักษิณไม่ได้ป่วยจริง ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อประชาชน
อ่านข่าว : “โรม” ชี้ทักษิณมีอิทธิพลการเมือง ส่งผลเลือกตั้งท้องถิ่นแน่
“เป็นปรากฏการณ์หนึ่งของคนที่จากบ้านเกิดไปถึง 17 ปี ได้เดินทางไปยังบ้านเกิดตัวเอง ก็ไปทบทวนความทรงจำ แต่เนื่องจากทักษิณเป็นคนการเมือง จึงหลีกเลี่ยงความสงสัยไม่ได้ว่าจะเกี่ยวข้องทางการเมือง” จตุพร กล่าว
แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน “ตู๋” จตุพร พรหมพันธุ์ บอกว่าจุดสูงสุดของทักษิณ ได้ผ่านไปแล้ว และสิ่งที่สำคัญคือการได้เดินทางกลับประเทศไทย โดยที่ไม่ต้องติดคุกแม้แต่เพียงวันเดียว และการจัดตั้งรัฐบาลแบบตระบัดสัตย์นั้น ไม่สามารถที่นำพาพรรคเพื่อไทยกลับไปสู่สถานะเดิมได้ แม้แต่แรงสนับสนุนจากมวลชน ก็ลดน้อยถอยลงไปทุกที
ประชาชนพี่น้องเสื้อแดงที่เคยนำพาให้การเลือกตั้งสมัยนายกฯยิ่งลักษณ์ ชนิดม้วนเดียวจบนั้นได้สูญหายไป เหตุที่สูญหายไปคือความไม่ชัดเจนในการต่อสู้ที่ผ่านมา
กว่า 8 เดือนของการบริหารประเทศ ภายใต้รัฐบาลเศรษฐา ยังไม่สามารถใช้งบฯ ปี 2567 ได้ เสมือนการล่องลอยเป็นสุญญากาศเดินทางไปต่างประเทศบ่อยไปเป็นเซลล์แมน และการบริหารงานแบบการนำ CEO มาใส่ระบบราชการ โดยไม่ผ่านเจ้ากระทรวง ซึ่งผลจากการใช้งบประมาณไม่ได้ นโยบายก็ไม่เดินหน้า แม้แต่ดิจิทัลวอลเล็ตโอกาสเป็นไปได้แทบจะเป็นศูนย์
สำหรับเวลาที่เหลือของนายกฯเศรษฐา ไม่ใช่เวลาที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอีกแล้ว แต่เวลาที่เหลือคือการแต่งตัวและหาเหตุผลที่จะเดินออกไปอย่างไร
เชื่อว่าอีก 1 ดีลคือยิ่งลักษณ์ ต้องได้กลับประเทศไทย แต่ได้กลับในวันที่เศรษฐาออกไปแล้ว และต้องออกไปในก่อนวันที่ สว.ชุดนี้จะหมดวาระ
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มองว่า ขณะนี้เร็วไปที่จะวิเคราะห์หรือตีความทางการเมืองแฝงเจตนาทวงคืนพื้นที่ทางการเมือง โดยชี้ต้องดูช่วงหลังการพ้นโทษที่เป็นอิสระแล้ว และจะให้บุคคลที่นับว่ามากประสบการณ์ทางการเมืองและคอนเนคชันทั้งทางการเมืองและทางธุรกิจ จะให้วางมือเลยเชื่อว่าไม่ใช่ธรรมชาติของทักษิณ และหากไม่นำความรู้และประสบการณ์ของอดีตนายกฯ มาใช้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
ทันทีหลังการเดินทางกลับจากเยือนยุโรป ของนายกฯเศรษฐา ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนโดยมองเป็นเรื่องธรรมดาที่ประชาชนแห่ไปต้อนรับ ทักษิณ เพราะเป็นนายกฯมาหลายสมัย อีกทั้งไม่ได้กลับบ้านมา 17 ปี สร้างผลงานและนำพาประเทศไทยสู่ความเจริญ
และคาดคิดว่ามีโอกาสได้เห็นภาพรวม 3 นายกรัฐมนตรีที่เชียงใหม่ แต่ยังไม่ได้นัดหมายอะไร โดยมีกำหนดจะบินไปจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงเย็นพรุ่งนี้ (15 มี.ค.)
แต่ดูเหมือนว่า การเยือนบ้านเกิดครั้งนี้ จะคับคั่งไปด้วยข้าราชการที่มาต้อนรับแม้จะเป็นเรื่องธรรมดาของนายกฯเศรษฐา พร้อมกำชับให้ดูความเหมาะสม ก็อาจกลายเป็นเป้าล่อการซักฟอกรัฐบาลของฝ่ายค้าน ที่มาพร้อมๆ กับกระบวนการ 2 มาตรฐานคดีทักษิณ ในวันที่ 3-4 เม.ย.นี้
อ่านข่าวอื่นๆ :
เคาะแล้ว! ศึกซักฟอก ม.152 “รัฐบาลเศรษฐา” 3-4 เม.ย.