วันนี้ (22 เม.ย.2567) นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุถึงแนวทางของรัฐบาลในการรับมือ สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ว่านายกฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยการดำเนินการของประเทศไทยในขณะนี้คือ ต้องดูแลสถานการณ์ชายแดน ไม่ให้การสู้รบล้ำเข้ามาในฝั่งไทย และยังคงให้การสนับสนุนช่วยเหลือมนุษยธรรม ตามหลักของสหประชาชาติ
ทั้งนี้เนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับหลายเรื่องนายกฯ จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจาก ความไม่สงบในเมียนมา โดยมีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ เป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการจะประกอบไปด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงต่างๆ โดยเฉพาะด้านความมั่นคง และต่างประเทศ
พร้อมทั้งมอบหมายให้นายปานปรีย์เป็นตัวแทนเดินทางไปพร้อมคณะ ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ก็ระบุว่าจะเดินทางไปด้วย
อ่านข่าว : “เศรษฐา-ปานปรีย์” ลุยแม่สอดพรุ่งนี้ ยันมีแผนรับผู้อพยพ
ส่วนสถานการณ์ชายแดนในขณะนี้มีผู้ที่ข้ามมาในฝั่งไทย ประมาณ 3,000 คน และเดินทางออกไปบ้างแล้วประมาณ 1,000 คน โดยมีการบริหารจัดการชายแดนให้เกิดความเรียบร้อย ซึ่งเหตุการณ์จะเปลี่ยนแปลงวันต่อวัน
นอกจากนี้ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข โดย รมว.สาธารณสุข ได้มีการสนับสนุนในเรื่องของการรักษาพยาบาล กรณีผู้ที่หนีภัยจากเหตุการณ์ไม่สงบต้องเข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลฝั่งไทย โดยให้การดูแลอย่างเต็มที่
สำหรับคณะที่จะเดินทางไปในวันพรุ่งนี้ (23 เม.ย.2567) นำโดยนายปานปรีย์ จะไปติดตามสถานการณ์และช่วยดูในเรื่องต่างๆ ทั้งนี้ขอยืนยันว่า นายกฯ ให้ความสำคัญกับสถานการณ์ความไม่สงบชายแดน โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและการต่างประเทศ ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นเป็นระยะ และไทยได้มีเตรียมการดูแลสถานการณ์ทุกด้านตามหลักมนุษยธรรมมาโดยตลอด และประเทศต่างๆ ก็ให้การสนับสนุน เป็นการเตรียมแผนตามมาตรฐานที่ไทยปฏิบัติอยู่แล้ว และปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากขึ้น
อ่านข่าว : “ภูมิธรรม” เผย ปัดหารือปรับ ครม.วงกินข้าวเที่ยงพรรคร่วม
โดยจุดยืนสำคัญของประเทศไทย จะดำเนินการทุกวิถีทางให้ยุติความขัดแย้ง เป็นบทบาทตามหลักสากลในฐานะที่ประเทศไทยมีชายแดนติดกับประเทศเมียนมากว่า 2,500 กม. และเวทีต่างประเทศต่างๆ ก็คาดหวังกับประเทศไทย เพื่อร่วมกันทำให้เหตุการณ์ความไม่สงบ-ความขัดแย้งต่างๆ คลี่คลาย
ซึ่งในทางการทูตไทยก็ปฏิบัติไปตามปกติ แต่จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองภายในประเทศเพื่อนบ้าน อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือการค้าชายแดน โดยกระทรวงพาณิชย์ก็เข้าไปดูแลผลกระทบในเรื่องเหล่านี้แล้ว เพราะเมื่อการปะทะรุนแรงขึ้นก็จะกระทบไปถึงผู้ประกอบการ โดยขอยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลอย่างใกล้ชิดขอให้ผู้ประกอบการต่างๆมั่นใจได้
อ่านข่าว : ถึงเวลาต้อง “ปฏิรูปตำรวจ” ไม่ใช่แค่เรื่อง “2 บิ๊ก” ก่อนถึง “ผบ.ตร.คนที่ 16”