เผลอแป๊บ ๆ “รัฐบาล” ที่นำโดย “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน ก็ทำงานครบ 10 เดือน ขาดอีก 2 เดือนครบปี แม้ผลงานจะยังไม่เข้าตา แต่พรรคเพื่อไทยไม่รีรอ ก็ตีปี๊บจัดแถลงผลงานรัฐบาลทันที ภายใต้หัวข้อ “10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10” ย้อนเกร็ด “พรรคก้าวไกล” อดีตแกนนำข้าวต้มมัดร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่เคยบอกให้รอ 10 เดือน ให้ สว.ครบวาระ ในวันที่ 1 พ.ค.และโหวต “ทิมพิธา” เป็นนายกฯ จนเพื่อไทยประกาศฉีก MOU ไปร่วมตั้งรัฐบาล ไปขั้วอำนาจเก่าทั้ง “พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ และภูมิใจไทย
เบอร์ 1 แห่งพรรคเพื่อไทย “อิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นกล่าวเปิดเวทีเป็นคนแรก ทั้ง “โต้กลับ วาทกรรม “ตระบัดสัตย์” อย่างหนักแน่น เมื่อ “อิ๊งค์” กล่าวยืนยันว่า ตัดสินใจถูกต้องอย่างมาก ที่ตั้งรัฐบาลผสมเมื่อ 10 เดือนที่แล้ว
แน่นอนว่าหากเราไม่เลือกที่จะจัดตั้งรัฐบาลผสม และเป็นแกนนำ ก็คงไม่มีโอกาสที่จะได้เริ่มแก้ปัญหาที่สะสมมานาน
แต่ก็ไม่วายวกกลับไปที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) ที่ “อิ๊งค์” บอกว่า ขณะนี้กฎหมายพยายามทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นอิสระจากรัฐบาล โดยเรื่องนี้จะเป็นปัญหาและอุปสรรคสำคัญ ในการแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ เพราะว่า นโยบายทางด้านการคลังถูกใช้งานมาด้านเดียวตลอดทำให้ประเทศมีหนี้ที่สูงมากขึ้นทุกปี จากการตั้งงบประมาณที่ขาดดุล หากนโยบายการเงินที่บริหารโดย ธปท. ไม่ยอมเข้าใจ และไม่ยอมให้ความร่วมมือ ประเทศประเทศไทยจะไม่มีทางลดเพดานหนี้ได้เลย
จากนั้นเวทีจึงเข้าสู่โหมดตีปี๊บเต็มสูบ โดย “รมช.ป้ายแดง” อย่าง “ออฟ” เผ่าภูมิ โรจนสกุล ที่เดินหน้าชี้แจงทำความเข้าใจและย้ำอีกครั้งถึงโครงการเรือธงอันได้แก่ โครงการดิจิทัล วอลเล็ต เติมเงิน 10,000 บ.วงเงิน 500,000 ล้านบาท โดยย้ำว่า โครงการนี้จะสร้างพายุหมุนเศรษฐกิจ 4 ลูก
อ่านข่าว : “อิ๊งค์” ลั่นทำถูกแล้วตั้งรัฐบาลผสม ยันปรับ ครม.ถูกฝาถูกตัว
พายุลูกแรก เกิดจากประชาชนนำเงินไปซื้อของในร้านค้าที่จะเกิดธุรกรรมทางการเงินนับล้านครั้งในรอบแรก ภายในเงื่อนไขที่ต้องใช้จ่ายให้หมดภายใน 6 เดือน กระจายทั่วประเทศ 878 อำเภอตามบัตรประชาชน
พายุหมุนลูกที่ 2 คือการใช้จ่ายจากร้านค้าระหว่างร้านค้า (B2B) ซึ่งเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการขึ้นเงินของร้านค้าที่จะต้องมีการใช้เงินอีกรอบ ซึ่งจะเกิดการใช้เงินอีกนับล้านครั้ง ที่สามารถใช้ได้ในทั่วประเทศไม่มีข้อจำกัดเรื่องร้านค้า สามารถใช้ข้ามจังหวัดและข้ามภูมิภาคได้
พายุหมุนลูกที่ 3 ที่ถูกตั้งเข้าถามจากฝ่ายค้านว่า เม็ดเงินจะไหลเข้าสู่เจ้าสัวนั้น ซึ่ง “เพื่อไทย” มองว่า เมื่อประชาชนไปซื้อของในร้านค้าจะเกิดการผลิตและเกิดการจ้างงานที่เกิดการซื้อสินค้าอีกหลายรอบ
สุดท้ายพายุหมุนลูกที่ 4 คือ การก่อกำเนิด “ซูเปอร์แอปพลิเคชัน” ที่สามารถเชื่อมธนาคารต่าง ๆ ที่ประชาชนสามารถใช้ได้โดยง่าย ซึ่งหากประชาชน 50 ล้านคนอยู่ในการชำระเงินนี้ จะสร้างรายได้ให้ประชาชน
พายุหมุนทั้ง 4 ลูกจากกระแทกเข้าไปในระบบเศรษฐกิจไทย ชุบชีวิตเศรษฐกิจไทยขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และนี่คือดิจิทัลวอลเล็ต นโยบายจากพรรคเพื่อไทยสู่นโยบายของรัฐบาล
ขณะที่ นักการเมืองเจนใหม่ อีกคนอย่าง “สส.พี่อิ่ม” น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม.หนึ่งเดียวของพรรคเพื่อไทย ขึ้นเวที ตอกย้ำนโยบายลดภาระค่าครองชีพที่ที่ใช้หาเสียง คือ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ที่ย้อนไปถึงว่าเป็นวิสัยทัศน์ของพรรคมาตั้งแต่ปี 2549 หรือเกือบ 20 ปีที่แล้ว จนมาเริ่มทำในปี 2566 นำร่อง 2 สายคือ รถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดง และตั้งเป้าว่าในปีหน้า จะทำให้รถไฟฟ้าทุกสายทุกสี มีบริการตลอดเส้นทางเพียง 20 บ.
นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ที่เราต้องให้รถไฟฟ้าเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ถือเป็นความกล้าหาญของพรรคเพื่อไทยที่ต้องการลดภาระของพี่น้องประชาชน
นอกจากนี้ ยังมี พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ที่ตั้งเป้าหมายว่าจะทำให้สำเร็จ หากมีตั๋วร่วมจะช่วยให้ราคาค่าตั๋วโดยสารมีราคาถูกได้อย่างยั่งยืน โดยจะมีกองทุนสะสมรายได้จากส่วนอื่นๆ เข้ามาชดเชยส่วนต่างค่าโดยสารให้กับประชาชนได้
มี สส.อิ่มก็ถึงคิว “สส.น้ำ” ที่เพิ่งรับตำแหน่ง “รมต.ป้ายแดง” โดย “สส.น้ำ” จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด และ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ รมต. ประจำสำนักนายกฯ ร่ายยาวถึงอีกนโยบายสำคัญอย่าง “ซอฟต์พาวเวอร์ ” ที่บอกว่า จะเป็นก้าวย่างที่สร้างการเปลี่ยนแปลงสำคัญ พาคนไทยหลุดพ้นจากความยากจน จากนโยบายสำคัญต่าง ๆ ทั้ง โครงการ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ , ตั้งศูนย์เรียนรู้ TCDC เพิ่ม และ ตั้งสถานีโทรทัศน์ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์
พร้อมปักหมุดหมาย ภายในปี 2570 จะต้องเห็นสินค้าบริการและศักยภาพของคนไทยเข้าสู่ระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ร้านอาหารไทย มวยไทย หนังสือไทย ศิลปินไทย วงดนตรีไทย TPOP สงกรานต์ของไทย ภาพยนตร์ ละคร ซีรี่ส์
แต่ในมุมมองของนักวิชาการอย่าง รศ.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดี มรภ. นครราชสีมา มองว่า นโยบายส่วนใหญ่ของรัฐบาล ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่อง “ระยะสั้น” โดยการแก้ปัญหาปากท้องประชาชนที่เป็นหัวใจหลักยังไม่เกิด รวมถึงเรื่องทางการศึกษาและการพัฒนาคุณภาพคนในประเทศ ก็ยังไม่เห็น
ผลงานในระยะสั้น เป็นผลงานที่ฉาบฉวย ชั่วครั้งชั่วคราว และเป็นผลงานแบบเฉพาะหน้า ในมุมมองผมถือว่า ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ชีวิตความเป็นอยู่ยังไม่ดีขึ้น ซึ่งในกรอบระยะเวลาสั้น ๆ นี้ไม่มีใครทำได้ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็สามารถอ้างได้ แต่อยากเห็นการวางนโยบายที่ชัดเจนโดยเฉพาะการพัฒนาคุณภาพคนทั้งระบบ แต่นี่กลับเป็นการซ้ำเติมโดยใช้วิธีการพีอาร์ นโยบายระยะสั้น และการทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ติดกับดักวนเวียนและจะยิ่งซ้ำเติมประเทศชาติอยู่อย่างนี้ต่อไป
ฟาก “นายกฯนิด” เตรียมชีพจรลงเท้า ตามโปรแกรม “ทัวร์นกขมิ้น” ค่ำไหนนอนนั่น ที่ “นายกฯนิด” จะเริ่มเดินสายลงพื้นที่ “4 บุรี” ออกสตาร์ทในวันที่ 10 พ.ค.นี้ โดยเดินทางไปยัง จ.สุพรรณบุรี พื้นที่ของ “ลูกท็อป” นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
จากนั้นในวันที่ 11 พ.ค.จะเดินทางไปยัง จ.กาญจนบุรี จะมีเจ้าของพื้นที่อย่าง “หมอหนุ่ย” นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม พร้อม สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้การต้อนรับ
ต่อมาวันที่ 12 พ.ค.จะเดินทางไปยัง “เมืองโอ่ง” จ.ราชบุรี พื้นที่ ของ “เสี่ยเฮ้ง” นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เจ้าของตลาดค้าส่งใหญ่ผัก-ผลไม้ รายใหญ่ของเมืองโอ่งมังกร ให้การต้อนรับ
จากนั้น “นกขมิ้น” จะบินไป จ.เพชรบุรี ในวันที่ 13 พ.ค.โดยทั้ง “มาดามกระแต” ธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ สส.เพชรบุรี เขตเลือกตั้งที่ 1 และ “สส.ต้อย” จ.อ.อภิชาติ แก้วโกศล สส.เพชรบุรี เขต 3 ให้การต้อนรับ และในวันที่ 14 พ.ค.”นายกฯนิด” จะประชุม ครม.สัญจรในพื้นที่ จ.เพชรบุรี
นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมปัดฝุ่นรายการ “นายกฯพบประชาชน” อีกครั้ง โดย “นายกฯนิด” จะจัดรายการเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อพูดคุยกับประชาชนผ่านช่อง NBT สถานีวิทยุ อสมท และช่องทางสื่อโซเชียล สื่อออนไลน์ ประเดิมจอวันแรก 11 พ.ค.นี้ หลังจากประชาชนห่างหายจากรายการนายกฯพบประชาชนไปนาน ล่าสุด เห็นในยุคของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ
เมื่อต้นตำรับรายการนายกฯพบประชาชนอย่าง “พี่โทนี่” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับมาจึงต้องคืนชีพรายการ เพื่อเร่งสร้างคะแนนนิยมให้เข้าตาประชาชน ในช่วงเวลาก่อนครบเทอมรัฐบาลในอีกราว 3 ปีข้างหน้า
อ่านข่าว
ทำเนียบคึกคัก! ครม.เศรษฐา1/1 เข้าถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ