วันนี้ (9 พ.ค.2567) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ตอบคำถามผู้สื่อข่าวประเด็นนายกฯ ประกาศนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติดว่าเป็นการตัดสินใจเพื่อประชาชนว่า นโยบายของทุกรัฐบาลเป็นไปเพื่อประชาชนทั้งสิ้น และสำหรับเรา ประชาชนมีหลายกลุ่มที่เราต้องดูแล แพทย์แผนไทยก็ประชาชน ผู้ป่วยก็ประชาชน ผู้ประกอบการก็ประชาชน ชาวบ้านที่ต้องการใช้ประโยชน์ตามภูมิปัญญาพื้นบ้านก็ประชาชน นโยบายของรัฐบาลจึงจะต้องเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ใช่คิดถึงแต่กลุ่มที่จ้องจะทำผิดกฎหมายเท่านั้น
นายอนุทินกล่าวเสริมว่า เรื่องกัญชาก็อยู่ในนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อสภาว่าต้องการใช้ประโยชน์เพื่อสุขภาพและเศรษฐกิจ ถ้าถามพรรคภูมิใจไทย ก็ยืนยันว่านี่คือแนวทางที่ดีที่สุด และเครื่องมือที่จะทำให้การควบคุมมีประสิทธิภาพสูงสุด ก็คือการออก พ.ร.บ.กัญชากัญชง ที่เราเคยพยายามผลักดัน หากรัฐบาลจะผลักดันอีกครั้งในรอบนี้ก็คงจะผ่าน
สำหรับประเด็นผลกระทบหากมีการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด นายอนุทินกล่าวว่า แรกสุดผู้ประกอบการที่เริ่มลงทุนเปิดตลาดไปแล้ว และชาวบ้านที่ใช้รักษาตัวตามภูมิปัญญาดั้งเดิมอยู่ก็จะได้รับผลกระทบ
ทุกวันนี้เทรนด์โลกเปิดประตูให้กับกัญชามากขึ้น ไม่ควรปิดโอกาสของผู้ประกอบการไทย ด้วยการถอยกลับที่เดิม เมื่อเรามีทางเลือกที่ดีกว่าอย่างการออก พ.ร.บ.กัญชา
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและอดีต รมว.สาธารณสุข กล่าวปิดท้ายว่า ในฐานะผู้เคยผลักดันนโยบาย แม้วันนี้จะไม่ได้ดูแลโดยตรง เราก็ยินดีแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจในรายละเอียด เพื่อการตัดสินใจที่รอบคอบและดีที่สุดสำหรับประชาชน
ด้านเลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย นายประสิทธิชัย หนูนวล กล่าวว่า ภายในสัปดาห์หน้าเครือข่ายฯ จะเข้าพบนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข หารือข้อเสนอของเครือข่ายฯ ขอให้รัฐบาลศึกษาผลกระทบจากกัญชาเทียบเคียงกับเหล้า บุหรี่
หากกัญชาที่บอกว่ามีคนใช้แล้วคลั่ง ประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศเดียวที่ใช้กัญชาแล้วคลั่ง ไม่นับรวมกับการใช้ร่วมกับสารเสพติดอื่น
หากมีการยืนยันนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด จะนัดชุมนุมใหญ่ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประสิทธิชัยกล่าวปิดท้าย
อ่านข่าวอื่น :
ไขปม! เพลิงผลาญ มาบตาพุดแทงค์ไฟ “แก๊สโซลีน” ดับยาก
โควิดสายพันธุ์ KP พบแล้วในไทย 13 คน
คุมได้แล้ว! เพลิงไหม้ถังแก๊สโซลีน “มาบตาพุดแทงค์”