นายกฯ มั่นใจ ‘ทักษิณ’ ยังอยู่ในไทย เชื่อพร้อมสู้คดี เผยไม่มีสัญญาใจกับอดีตผู้นำ ย้ำเป็นคนน้ำไม่เต็มแก้ว พร้อมรับฟังคำแนะนำ มาพัฒนาการทำงาน เพื่อประชาชนและประเทศชาติ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (4 มิถุนายน 2567) ถึงจุดยืนเรื่องมาตรา 112 ว่า ‘ตนเองเคยบอกไปแล้ว และไม่อยากตอบเรื่องนี้อีก ส่วนที่มีการเชื่อมโยงไปถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะถูกสั่งฟ้องในคดีนี้ด้วย นายกฯ ย้ำเหมือนเดิมว่า พูดไปเยอะแล้ว ขอไม่พูดเรื่องนี้ครับ’ ส่วนจะซ้ำรอยกับกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจนสุดท้ายต้องสูญเสียอำนาจ นายกฯ ระบุว่า ‘จุดยืนชัดเจนครับ ผมพูดไปแล้วเรื่องนี้’
ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีแล้วมีสัญญาใจกับใครอีกหรือไม่โดยเฉพาะผู้นำในอดีต? นายกฯ กล่าวว่า ‘ตนเองไม่มีสัญญาใจกับทุกท่านในอดีต แต่เรามาตรงนี้ เรามาช่วยประเทศ ใครเสนออะไรดีๆ ตนเองก็น้อมรับ เพราะตนเองไม่เคยไม่รับฟัง แต่ขีดจำกัดการเป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้กับ 17 ปีที่ผ่านมาก็มีขีดจำกัดที่แตกต่างกันไป เรื่องต่าง ๆ ก็ต่างกันไป แต่เหนือสิ่งอื่นใดเราต้องทำตัวเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว ถ้าใครมีข้อแนะนำดีๆ ใครมีข้อติเราควรจะรับฟัง เพราะถ้าได้ยินเสียงที่ตัวเองอยากได้ยินตลอดก็จะไม่มีการพัฒนา แต่ส่วนตัวมั่นใจว่าที่มาอยู่ตรงนี้ได้เพราะทำตัวเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว และไม่เลือกอยากได้ยินเฉพาะเสียงที่ตนอยากได้ยิน เพราะเสียงที่เราไม่อยากได้ยินอาจจะเป็นเสียงที่ประเสริฐที่สุดที่จะนำไปสู่การแก้ไขปรับปรุง ไม่ว่าเสียงนั้นมาจากนายกฯทักษิณ นายกฯ อนันต์ ปันยารชุน หรือนายกฯ ชวน หลีกภัย ถ้าเป็นเรื่องที่ตนคิดว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ตนเองก็รับฟังนำไปแก้ไขปรับปรุง’
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีสัญญาใจกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่? นายกฯ กล่าวว่า ‘เชื่อว่า ใจต่อใจที่ผมมีต่อท่านนายกฯ ประยุทธ์ ผมว่าชัดเจนว่าจุดมุ่งหมายเราเดียวกัน ท่านฝากบ้านเมืองไว้ให้ผมในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ต่อจากท่านคนที่ 29 ก็พยายามจะดูแลพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุด วิธีการที่เราทำงานแน่นอนว่าแบล็คกราวน์ ของแต่ละท่านก็แตกต่างกันไป ผมมาจากภาคธุรกิจ ท่านมาจากฝ่ายความมั่นคง จึงเชื่อว่า วิธีการหรือแนวทางต่างกันแต่จุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะตนเองมั่นใจว่าท่านเองก็มีความปรารถนาดีกับบ้านเมือง วิธีการทำงานอาจจะแตกต่างกันไป แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือจุดมุ่งหมาย’
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายทักษิณ ยังอยู่ในประเทศไทยหรือไม่? นายกฯ กล่าวว่า ‘เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาได้เจอกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะบุตรสาวของนายทักษิณ ก็บอกว่า ท่านสบายดี ตนเองจึงมั่นใจว่าท่านไม่ได้ออกนอกประเทศ และคิดว่าท่านก็พร้อมสู้ และท่านไปอยู่ต่างประเทศมา 17 ปีแล้ว มันนานพอแล้วละครับ และวันนี้ท่านก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว และเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นขวากหนามที่มันต้องเข้ามา ก็ว่ากันไป ตนเองพูดแทนท่านไม่ได้ แต่คิดว่าท่านคงไม่คิดจะไปไหน’