หน้าแรก Thai PBS ถอดรหัส “ปล้นปืนป่าฮาลา-บาลา” มุมความมั่นคง “ไฟใต้” ยังคุโชน

ถอดรหัส “ปล้นปืนป่าฮาลา-บาลา” มุมความมั่นคง “ไฟใต้” ยังคุโชน

64
0
ถอดรหัส-“ปล้นปืนป่าฮาลา-บาลา”-มุมความมั่นคง-“ไฟใต้”-ยังคุโชน
ถอดรหัส “ปล้นปืนป่าฮาลา-บาลา” มุมความมั่นคง “ไฟใต้” ยังคุโชน

“เป้าหมายชัด โอกาสมี ทางหนีพร้อม” เป็นยุทธวิธีในการก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา การก่อเหตุลดความถี่ลง แต่ความรุนแรงและความเสียหายกลับมากกว่าเดิม เหตุปล้นปืนที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา คือ “สาร” ที่ต้องการจะสื่อให้สังคมและบุคคลภายนอกเห็นว่า ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่เคยลดลง และมีคำถามว่า รัฐบาลมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างไร ท่ามกลางการขยายตัวของกลุ่มคนรุ่นใหม่

หลังเกิดเหตุคนร้าย บุกปล้นปืนที่สำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา จ.นราธิวาส เขตติดต่อระหว่าง อ.บันนังสตา และ อ.ธารโต จ.ยะลา เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยปล้นอาวุธปืนของทางราชการไป 11 กระบอก เป็นปืนลูกซอง 10 กระบอก และอีก 1 กระบอกเป็นปืนพกส่วนตัว

มีการประเมินสถานการณ์จากฝ่ายต่าง ๆ ในหลายประเด็น บ้างระบุเพื่อรับน้องใหม่ รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ที่มี “ภูมิธรรม เวชยชัย” เป็นรมว.กลาโหม, การเปลี่ยนตัวแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ “พล.ต.ไพศาล หนูสังข์” หรือเป็นช่วงการเปลี่ยนปีงบประมาณ สลับกำลัง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายความมั่นคงรวมถึงการถ่ายโอนกำลังจากทหาร โดยใช้อาสาสมัคร (อส.) หน่วยขึ้นตรงของกระทรวงมหาดไทยทดแทน แต่ข้อเท็จจริงในพื้นที่ หาเป็นเช่นนั้นไม่

อย่างไรก็ตาม หากนับย้อนหลัง 3 เหตุการณ์ปล้นปืน เฉพาะที่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ครั้งแรกปี 2545 เมื่อคนร้ายไม่ทราบจำนวน บุกเข้าไปในอุทยานแห่งชาติบางลาง เขตรอยต่อระหว่าง อ.บันนังสะตา และ อ.ธารโต จ.ยะลา งัดคลังอาวุธปืนและปล้นปืนลูกซองยาว 16 กระบอก และปืน HK33 จำนวน 17 กระบอก รวม 33 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน

ในปีเดียวกัน เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2545 คนร้ายไม่ทราบจำนวน เข้าไปงัดคลังเก็บอาวุธ และปล้นอาวุธปืนลูกซองยาว ที่วนอุทยานแห่งชาติน้ำตกซีโป หมู่ 3 ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ขนอาวุธปืนลูกซองของราชการไป 8 กระบอก พร้อมกระสุนปืน ก่อนจะหลบหนีไปทางสันเขาปูโย

ช่วงระยะเวลาไม่ถึงเดือน เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2549 คนร้ายพร้อมอาวุธปืนสงคราม บุกเข้าไปในบ้านพักของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกปาโจ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส คนร้ายใช้อาวุธควบคุมเจ้าหน้าที่ ได้ปืนลูกซองไป 3 กระบอก และอาวุธปืนอีกจำนวนหนึ่ง

แม้อาวุธปืนของราชการที่คนร้ายปล้นไป เฉพาะในเขตอุทยานแห่งชาติ 4 เหตุการณ์ รวมจำนวน 55 กระบอก จะไม่ใช่ “อาวุธสงคราม” แต่ก็คือ “อาวุธ” ที่สามารถนำไปใช้ก่อเหตุร้ายได้เช่นกัน

การปล้นปืนในครั้งนี้เป็น สาร ที่ต้องการจะสื่อให้สังคมและบุคคลภายนอกเห็นว่า ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่เคยลดลง และกลุ่มคนร้ายก็ยังสามารถเข้าไปก่อเหตุ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ พื้นที่ของภาครัฐ ที่ไม่ใช่กำลังหลักในพื้นที่

“ปริมาณความถี่ของการก่อเหตุ อาจน้อยกว่าเดิม แต่ความรุนแรง กลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วง 20 ปี นับจากเหตุปล้นปืนที่ค่ายปิเหล็ง อ.เจาะไอร้อง เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 คนร้ายปล้นปืนไปได้ 413 กระบอก ได้คืนมาแค่ 94 กระบอก จากวันนั้นถึงปัจจุบัน สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค ถนนหนทาง ไปไกลมาก แต่ความขัดแย้ง ความแตกแยกทาง ทัศนคติและอุดมการณ์ของกองกำลังติดอาวุธ เข้มข้นกว่าเดิม โดยเฉพาะในกลุ่มแนวร่วมซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่” แหล่งข่าวด้านความมั่นคงระบุ

หากวิเคราะห์ในเชิงยุทธวิธีของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ในทุกสถานการณ์กองกำลังติดอาวุธเหล่านี้มักจะเลือกก่อเหตุ ในพื้นที่เปราะบาง และกลุ่มคนเปราะบาง เช่น เข้าปล้นปืนแล้ว การโจมตี มีการวางระเบิดซ้ำ 1-2 รอบ เพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ ในเขตป่าและเขตเมือง ยังคงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และมีเป้าหมายชัดเจน มีการวางแผน และแบ่งหน้าที่กันทำ ไม่ต่างจากยุทธวิธีทางทหาร การจัดวางกำลังและกำหนดพื้นที่เป้าหมาย มีระยะเวลาชัดเจนว่า จะเข้าปฏิบัติการพื้นที่ไหน และเมื่อไหร่ 

สำหรับการแบ่งโซนพื้นที่รับผิดชอบของผู้ก่อความไม่สงบ ในระดับปฏิบัติการยังคงเหมือนเดิม อยู่ในเขตพื้นที่ จ.ยะลา, ปัตตานี, นราธิวาส และ 4 อำเภอ ประกอบด้วย อ.จะนะ อ.นาทวี อ.เทพา และ อ.สะบ้าย้อย ใน จ.สงขลา จะเห็นได้ว่าการก่อเหตุปล้นปืนในสำนักงานเขตรักษาพันธุ์ฮาลา-บาลา เป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบ ซึ่งมีกองกำลังติดอาวุธ ประมาณ 30 คน กลุ่มของ “มันโซ ปูเต๊ะ” แกนนำผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี และ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส 2 อำเภอนี้ มีพื้นที่ติดกับอำเภอแว้ง ที่ตั้งของสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ฮาลา-บาลา

โดยกลุ่มก่อความไม่สงบจะมีการวางแผน และยึดหลักในการก่อเหตุและเข้าโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐ มีการเล็งเป้าและเฝ้ารอคอย มักอาจเลือกก่อเหตุซ้ำ ในช่วงที่ตรงกับวงรอบเหตุการณ์ เช่น กบฏดุซงญอ เดือน เม.ย.2491 จ.นราธิวาส, มัสยิดกรือเซะ จ.ปัตตานี เมื่อ 28 เม.ย.2547, เหตุการณ์ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2547 หรืออาจจะเป็นช่วงเวลาอื่นใดก็ได้ ตามแผนที่กำหนดไว้

แต่หลักจริง ๆ ที่ต้องการทำให้บรรลุเป้าหมายอยู่ที่ 3 ทางเลือก เป้าหมายชัด โอกาสมี ทางหนีพร้อม เมื่อสถานการณ์เอื้อ ก็พร้อมลงมือทันที ปัจจุบันยังมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ หรือกองกำลังติดอาวุธ ประมาณ 30 กลุ่มอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัด

“อาวุธปืน ที่ถูกปล้นไป ไม่ว่าจะเป็น ปืนสั้น หรือปืนลูกซอง มันใช้ได้หมด ไม่จำเป็นว่า ผู้ก่อเหตุความไม่สงบจะต้องใช้อาวุธสงครามเท่านั้น พวกนี้อาจจับตาความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว และต้องทราบว่าคลังเก็บอาวุธปืนอยู่ที่ไหน เขาต้องการสะสมอาวุธ”

คำถามที่ว่า “วันเลือกก่อเหตุของคนร้าย เป็นวันที่มีการประกาศให้ พล.ต.ไพศาล รองแม่ทัพภาคที่ 4 ขยับเป็น แม่ทัพภาคที่ 4 เชื่อว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะ พล.ต.ไพศาล เป็นทหารที่ทำงานอยู่ในพื้นที่มาเกือบตลอดชีวิต และคลุกคลีกับปัญหาภาคใต้อย่างต่อเนื่อง จึงไม่ใช่การรับน้องใหม่ แน่นอน แต่อาจเป็นจังหวะและช่วงเวลาที่ปลอดโปร่งในการลงมือของกลุ่มคนร้ายมากกว่า” แหล่งข่าววิเคราะห์

และชี้ว่า นอกจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มระดับปฏิบัติการแล้ว ยังมีการขับเคลื่อนของแนวร่วมกลุ่มคนรุ่นใหม่ควบคู่ไปพร้อม ๆ กัน ผ่านการขับเคลื่อนทางการเมืองทั้งภายในและภายนอก ผ่านตัวแทนและมีความพยายามเสนอให้มีการแบ่งแยกพื้นที่ปกครองตนเอง โดยอาศัยปัจจัยภายนอกและในประเทศเข้ามาสนับสนุน หล่อเลี้ยงสถานการณ์ดังกล่าว ให้ได้รับความสนใจจากสื่อและปรากฏต่อสายตาของชาวโลก

นอกจากนี้ ประเด็นที่ไม่ควรมองข้าม คือ การเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนต่างชาติ และการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ทูตกลุ่มประเทศอียู ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ มีคำถามว่า คนกลุ่มนี้เขารักคนไทย ประเทศไทย มากกว่าผลประโยชน์ของเขาหรือไม่ และการขุดคลองเพื่อเชื่อมต่อจุดผ่านแดน รองรับรถไฟฟ้าความเร็วสูงจากจีน มีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่

ตรงนี้เป็นสิ่งที่ควรตั้งคำถามมากกว่า รัฐจะแก้ปัญหานี้อย่างไร เพราะเท่าที่เห็น รัฐบาลชุดนี้ ยังไม่มีนโยบาย แก้ปัญหาอะไรเลย ทุกอย่างเป็นไปตามหน้างานหมด

และทั้งหมดเป็นรหัสที่สะท้อนให้เห็นว่า สถานการณ์ไฟใต้ยังคงคุโชน และไม่มีท่าทีจะดับลงได้ หากรัฐบาล ยังไม่ตระหนักและให้ความสำคัญกับดินแดนปลายด้ามขวาน 

อ่านข่าว 

อย่ายุแยง! นายก “ฉุน” ถูกสื่อจี้ถาม “จุดยืน” แก้รัฐธรรมนูญสุดซอย

นายกฯ แพทองธาร รับเช็กรายละเอียดก่อนยื่นบัญชีทรัพย์สิน

ครม.ไฟเขียว “จตุพร” นั่งปลัด ทส.ต่ออีก 1 ปี

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่