วันนี้ (16 ต.ค.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ และเข้าร่วมการประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation: BRF) ครั้งที่ 3 จะใช้ความสัมพันธ์นี้ช่วยอพยพคนไทยจากอิสราเอลว่า โอกาสนี้มีผู้นำหลายคนจะไปเยือน ตนเองจะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวเพื่ออาศัยช่องทางทางการทูต ทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ซึ่งตนเองจะพูดคุยกับผู้นำหลายประเทศในเรื่องนี้ ส่วนตัวเชื่อว่า เรื่องนี้ผู้นำต่างประเทศให้ความสำคัญและเป็นห่วงเป็นใย อยากให้ทุกอย่างจบลงได้ด้วยดี
ส่วนกรณีการไปรับคนไทยออกจากอิสราเอลของกองทัพอากาศ โดยไม่สามารถบินตรงเหมือนประเทศอื่นได้ ทำให้ต้องบินอ้อมนั้น นายกฯ ยืนยันเรื่องนี้ทางการทูตของไทยไม่ได้ด้อยไปกว่าประเทศอื่น แต่ตนเองยังไม่ได้รับข้อมูลมา และก็เป็นเรื่องที่ดีที่จะไปพุดคุยกับประเทศซาอุดีอาระเบียในระหว่างที่เยือนซาอุดีอาระเบีย
นายกฯกล่าวเพิ่มเติมถึงการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า ยังมีเรื่องการค้าและการทูตที่ไทยจะมีแผนในการหารือ ซึ่งตารางแน่นมากและก็มีเรื่องที่น่ายินดี โดยคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้มีการศึกษาเรื่องแลนด์บริจด์ ซึ่งจะเป็นประเด็นสำคัญที่จะเชื่อมต่อโลจิสติกส์ทั่วโลกได้ ซึ่งเป็นการให้ความมั่นใจกับต่างชาติที่จะมาลงทุน สร้างโรงงานต่างๆในประเทศไทย ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้นำไปศึกษาต่อได้ ถือเป็นนิมิตหมายอันดีและเป็นเรื่องที่ดี
นอกจากนี้ จะพูดคุยกับทางการจีนเรื่องโครงการเรือดำน้ำของกองทัพเรือ และหวังว่าจะได้ข้อสรุป ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และต้องการการบริหารจัดการที่ดี แต่ยืนยันว่าปัญหานี้ต้องมีการแก้ไขอย่างชัดเจน และเมื่อซื้อมาแล้วต้องใช้งานได้ หรือหากไม่เป็นเรือดำน้ำต้องแลกเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทนหรือไม่ เป็นเรือเหนือน้ำหรือไม่ โดยต้องตอบโจทย์กองทัพเรือให้ได้ด้วยว่า ถ้าเป็นเรือเหนือน้ำ ต้องเสริมศักยภาพ ทางด้านการทะเลของกองทัพเรือด้วยเหมือนกัน ซึ่งต้องพูดคุยกันและหวังว่าจะหาข้อสรุปได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ ประชุม ก.ตร. แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ รอง ผบ.ตร.-ผบช. 24 ตำแหน่ง
หนุนปาเลสไตน์! ทั่วโลกเรียกร้องยุติสงคราม-ประณามอิสราเอล
เริ่มวันนี้! รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย นำร่อง 2 เส้นทาง
นายกฯ เร่งหาเที่ยวบินอพยพคนไทยในอิสราเอล ตั้งเป้าวันละ 200-400 คน