ไม่น่าเชื่อว่าเพลงแหล่ สดุดีลุงตู่ ที่เขียนโดย เทพไท เสนพงศ์ เมื่อครั้งถูกขังอยู่ในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เนื้อความว่า “สดุดี ลุงตู่ ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้อยู่ใน หัวใจ ไทยทั้งหล้า เป็นนายกฯ 9 ปี ที่ผ่านมา ได้นำพา ชาติบ้านเมือง เรืองระบือ…” จะเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตในโลกโซเชียล เฟซบุ๊ก ยูทูบ และติ๊กต็อก กลายเป็นเพลงแจ้งเกิดของ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ให้เป็น “ติ๊กต็อกเกอร์” ลูกทุ่งมือใหม่ด้านเพลงการเมือง ที่ได้รับความนิยมสูงสุด เท่านั้น
ทว่า ยอดวิวและซับสไครบ์ 3,000,000 คน ของผู้คนที่เข้าชมและฟังบทเพลงดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า แฟนคลับพันธุ์แท้ของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีและองคมนตรี มีคะแนนนิยมเฉพาะตัวสูงมาก โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งคะแนนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่เคยนั่งเป็นประธานพรรคฯ ในอดีต
แม้ก่อนหน้านี้จะเคยร้องและแต่งเพลง “อภิสิทธิ์ นายกในดวงใจ” และเพลงอื่น ๆ อีกกว่า 300 เพลง แต่เสียงตอบรับจากการแต่งเพลงที่ถูกใจคอการเมือง ก็ยังไม่มากเท่ากับเพลงสดุดีลุงตู่
“เพลงการเมือง”สะท้อนบริบทสังคมไทย
โดยแต่ละบทเพลง ได้สะท้อนให้เห็นบริบทและนัยทางการเมืองในช่วงนั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี เทพไท บอกว่า เช่น เพลงสดุดีลุงตู่ แต่งขึ้นหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และต่อมาได้เป็นองคมนตรี มีคอเพลงการเมือง เข้ามาฟังมากกว่าเพลงอื่น ๆ ที่เคยแต่งมา หรือเพลงนายกรัฐมนตรีที่ซื่อสัตย์ที่กล่าวถึงอดีตนายกรัฐมนตรี 4 คน คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์, นายชวน หลีกภัย, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ พล.อ.ประยุทธ์ จัทร์โอชา แสดงให้เห็นว่า สังคมไทยและคนไทยโดยพื้นฐาน ชอบคนซื่อสัตย์สุจริต
“ยามใดที่บ้านเมืองคับขัน แล้วมีใครคนหนึ่ง โผล่ขึ้นมา โดยมีภาพลักษณ์ ความซื่อสัตย์ สุจริต จะได้รับความนิยมสูงมาก …ไม่ว่าจะเป็นยุค ป๋าเปรม หรือในยุค คสช. ชาวบ้านอยากได้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ก็เทคะแนนให้หมดทั้งกทม…เช่นเดียวกับ นายชวน และ พล.อ.ประยุทธ์ ตรงนี้ชี้ให้เห็นว่า คนซื่อสัตย์สุจริต จะขายได้ในประเทศไทย เมื่อแต่งเพลงถึงคนจะเข้ามาดูเยอะมาก” อดีตสส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังอธิบาย ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในกระแสโซเชียล มีเสียงเรียกถามหา “ลุงตู่อยู่ไหน” ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า จำนวนหนึ่งเป็นฐานเสียงเรียกร้องจากกลุ่มแฟนคลับลุงตู่ จึงถามหาลุงตู่ และเสียงจากกลุ่มคนที่ต้องการประชด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คนปัจจุบันที่เคยด่ารัฐบาลที่แล้ว และผิดหวังกับการทำหน้าที่นายกฯ ของนายเศรษฐา จึงทำให้มีการเปรียบเทียบ
จากกระแสโพลของนิด้า ที่แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะพ้นจาก ตำแหน่งนายกฯ ไปเกือบปีแล้ว แต่ยังชนะนายเศรษฐา ถึง 17 เปอร์เซ็นต์ แต่ระยะหลังกระแสดังกล่าวเบาบางลงไป และขณะนี้ผลโพลขยับมาที่นายพีระพันธุ์ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อยู่ที่ 7 เปอร์เซ็นต์ ถือว่า ยังไม่มากพอ
หรือบทเพลงล่าสุด ซึ่งมีเนื้อหาถึงความยุติธรรม 2 มาตรฐาน ที่ได้รับความนิยมจากชาวเรือนจำ คือ “กูคือ นักโทษเทวดา” และเพลงจังหวะโจ๊ะ ๆ สไตลด์ลูกทุ่งภาคใต้ ทำให้มีกระแสเรียกร้องจากชาวบ้านในพื้นที่ ให้ตั้งวงดนตรีลูกทุ่งเดินสายรับงาน ซึ่ง เทพไท บอกว่า การตั้งวงดนตรีจะต้องใช้เงินลงทุนมาก และส่วนตัวไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้น
อดีตสส.สู่วงการ “ติ๊กต็อก” และลูกทุ่งรถเห่
คนเป็นนักการเมือง มันทำธุรกิจยาก เพราะต้องให้บริการประชาชนขอคิดดูก่อน แต่อาจทำในลักษณะที่เป็น “ลูกทุ่งรถแห่” เคลื่อนไหวไปตามอำเภอต่าง ๆ น่าจะมีความเป็นไปได้สูงกว่า
“บทบาทของผม หลังจากนี้ ก็ยังจะแต่งเพลง ร้องเพลง และเป็นคอมเมนเตเตอร์ การเมือง … จริง ๆ ผมเริ่มแต่งเพลง ตั้งแต่ช่วงโควิดระบาด แต่งให้อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) นำไปร้องให้หัวคะแนนฟัง ทีนี้พอผมเข้าไปอยู่เรือนจำ มีเวลามากขึ้นก็แต่งเพลง เห็นอะไรก็ออกมาเป็นเนื้อเพลง เลยแต่งเพลงทั่ว ๆ ไป และจะโพสต์เพลงแต่งใหม่ทุก 15 วัน ลงในติ๊กต็อก ยูทูบและเฟซบุ๊ก”
เทพไท บอกว่า ในการทำเพลงลงในเพจหรือติ๊กต็อก สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ จะได้กลุ่มคนที่ไม่มีสีเสื้อเข้ามาดูและฟัง ด้วยเหตุเพลงมีความเป็นสากล มีตลาดทุกสีในเพจ “เทพไทจับไมค์ร้องเพลง” คนเสื้อแดงก็เข้ามาดู แต่ถ้าเป็นเพจการเมือง คนสีแดง ก็จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว ไม่มีคอมเม้นต์ เพราะทราบเป็นเพจไม่เอา “ทักษิณ” ในฐานะทำคนคอนเท้นต์ ต้องแยกตลาดออกให้ชัด ส่วนการทำเพลงจะทำเป็นเพลงใต้ แนวลูกทุ่งดั้งเดิม คล้าย ๆ เพลงของ “เอกชัย ศรีวิชัย”
“ในติ๊กต็อก ประเด็นการเมือง ล่าสุด ผมคุยเรื่องเลือกตั้ง สว. ล่าสุด มีคนเข้ามาดู 5-6 แสนคน/ครั้ง ถือว่าเยอะมาก ต่างจากยอดบันเทิง คือ การทำเพลง คนก็ยังเข้ามาดู แต่ยอดเป็นหลักแสน ยอดติดตามจะไปช้า มันจะเต็มตลาดแล้ว เห็นได้ว่า หลังจากเลือกตั้ง สว. เป็นต้นมา มีคนตามไปดูคลิปการเมือง มากกว่าคลิปร้องเพลง … เพลง เราจะได้ตลาดจากคนขี้สงสัย แต่สำหรับคอการเมืองคนอยากฟังวิเคราะห์ จึงทำให้ต้องผสมกันระหว่างโพสต์การเมืองและเพลง ก็ต้องทำ 4-5 วันครั้ง สลับกันไป” อดีตนักการเมืองคนดัง กล่าว
เปลี่ยนหัวหน้า-กก.บห.ทางรอด”ประชาธิปัตย์”
เทพไท ได้รับอิสรภาพเต็มตัว หลังพ้นโทษคดีร่วมกระทำผิดทุจริตเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยการจัดเลี้ยงอาหารให้หัวคะแนนเมื่อ เมื่อปี 2557 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี ได้ปลดล็อกกำไลอีเอ็มออกจากข้อเท้าเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังได้รับการพักโทษนอกเรือนจำเป็นเวลา 8 เดือน โดยผลพวงจากคดีดังกล่าวทำให้ถูกเพิกถอนสิทธิ และต้องเว้นวรรคทางการเมือง 10 ปี เหลือเวลาอีก 8 ปี จึงจะพ้นกำหนดคำสั่งถูกเว้นวรรคทางเมือง
“ผมไม่กลับไปอยู่พรรคเดิม (ปชป.) … แต่ไปอยู่ พรรคการเมืองไหนก็ได้ที่ไม่ซื้อเสียง ผมสนับสนุนนักการเมืองทุกพรรค ทุกคน ที่ไม่ซื้อเสียง และไม่ไปอยู่พรรคก้าวไกลแน่นอน แม้จะสนิทกับหลายคนและคุยกัน หากมองพรรคก้าวไกลในวันนี้ เขาก็เหมือนกับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อ 30 ปีทีแล้ว คือ มาได้ โดยไม่ซื้อเสียง แต่คนเลือกเพราะอุดมการณ์ … อยู่กับรวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในอนาคต เขาก็ไม่มีอะไรขายแล้ว ลุงตู่ ไม่อยู่จะเอาอะไรขาย ก็อาจแปรสภาพเป็นพรรคขนาดเล็กไป”
ส่วนค่ายเก่า พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีต สส.เก่า 4 สมัย เทพไท วิเคราะห์ว่า การเมืองในปัจจุบันถือเป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยมและฝ่ายก้าวหน้า จริง ๆ ถือเป็นโอกาสสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่เคยเป็นพี่ใหญ่ ฝ่ายอนุรักษ์นิยม แต่บังเอิญหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนปัจจุบัน ไม่สามารถนำได้ ไม่สามารถเป็นที่หวังของฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้ เพราะนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคฯ คนปัจจุบัน ขาดภาวะความเป็นผู้นำ
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้นำที่จะมาแก้วิกฤตปัญหาของพรรคฯ ในภาวะดังกล่าว เห็นว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หรือ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ “ดร.เอ้” มีความเหมาะสม แต่ปัญหา คือ อาจมีบารมีไม่ถึง ซึ่งหันกลับมามองที่ นายอภิสิทธิ์ ถือว่าไม่ตกยุคและอายุยังน้อยกว่า นายเศรษฐา ทวีสิน ด้วยซ้ำ ส่วนประสบการณ์ ไม่ต้องคลางแคลงใจ เพราะเคยเป็นอดีตนายกฯ บริหารงานได้ และมีความคิดที่ทันสมัย
“เชื่อว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์มีหัวหน้าแบบ นายอภิสิทธิ์ ซึ่งมีความคิดในเรื่องประชาธิปไตยชัดเจน ก็กลับมาได้คะแนนนิยมอีกครั้ง จากคนหัวก้าวหน้า และฝ่ายอนุรักษ์นิยมเข้มข้นจะเทคะแนนมาให้ แต่วันนี้กลุ่มที่เป็นกลาง ๆ หันไปหาพรรคก้าวไกลหมด”
อดีต สส.นครศรีธรรมราช เชื่อว่า ในอนาคตพรรคประชาธิปัตย์จะยังมี สส.อยู่ ไม่สูญพันธุ์ แต่พรรคจะไม่เติบโตเหมือนในอดีต และหากต้องการกลับมาเป็นความหวัง ของฝ่ายอนุรักษ์อีกครั้ง จะต้องเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคฯ แบบยกชุด เพราะกลุ่มนี้ แนวคิดมีอย่างเดียว คือ เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ทั้ง ๆ ที่จุดยืนของประชาธิปัตย์ คือ สู้กับ รัฐบาลทักษิณ มานานถึง 20 ปี
“แต่วันนี้ กลับให้ set zero โดยอ้างว่า คนรุ่นใหม่ไม่เกี่ยวอะไรกับคนรุ่นเก่า แล้วรอเข้าร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยอย่างเดียว เพื่อไทยชนะได้เป็นรัฐบาล ก็อยากเข้าร่วมกับเขา อย่างนี้ก็ขุดหลุมฝังตัวเองได้เลย”
“ก้าวไกล” เป้าหมายชัด แลนด์สไลด์ ไม่ไกลเกินฝัน
หากวิเคราะห์จากฐานคะแนน การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เทพไท บอกว่า ขณะนี้พรรคก้าวไกลไปไกลมาก ได้ไปถึง 14 ล้านเสียง แต่พรรคประชาธิปัตย์เดิม เคยมี 11 ล้านเสียง แต่ปัจจุบันเหลือ แค่ 1 ล้านเสียง อีก 10 ล้านเสียง อยู่ที่พรรคก้าวไกล ส่วนพรรคเพื่อไทย เมื่อก่อนได้ 14 ล้านเสียง ปัจจุบันได้ 11 ล้านเสียง อีก 3-4 ล้านเสียง ไปอยู่ที่พรรคก้าวไกล ทั้งหมด
จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น มองได้ว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้ ถือว่า ฝ่ายอนุรักษ์นิยม แพ้ขาด และยังไม่มีตัวแทน ที่จะก้าวขึ้นมาได้ จึงถือเป็นความล้มเหลวของฝ่ายอนุรักษ์นิยม คือ มีการ set zero ถึง 2 ครั้ง ตั้งแต่ในยุคคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อยู่มาถึง 9 ปี แต่ไม่สามารถเอาชนะใจประชาชน ให้กลับมาเลือกได้
“การเมืองไทย แนวทางประชาธิปไตย ยังไงก็ชนะอยู่วันยังค่ำ ถ้าหากออกนอกลู่ก็แพ้ เพราะฝ่ายประชาธิปไตยก้าวหน้ากว่า … ตอนนี้ คนไม่เอานายทักษิณเยอะ แต่ไม่กล้าพูด ที่เย้วๆ กันอยู่นอกสภา ยังมีเคลื่อนไหวอยู่บ้าง แต่จะเห็นว่าระดับหัวขบวนปิดเงียบหมด จึงทำให้ทุกอย่างสับสน แม้กระทั่ง คนเสื้อแดงก็สับสน เขาไม่พอใจพรรคเพื่อไทย ที่ไปจับมือกับฝ่ายรัฐประหาร จึงพากันหนี ไปอยู่กับ พรรคส้มหมด”
อดีต สส.นครศรีธรรมราช มองว่า การเติบโตของพรรคก้าวไกล แม้จะไม่เคยมีผลงานอะไรที่จับต้องได้ก็จริง แต่สิ่งที่ทำให้พรรคฯ นี้โดดเด่น คือ อุดมการณ์ที่ชัดเจน เช่น การปฏิรูปกองทัพ การทำลายระบบทุนผูกขาด การกระจายอำนาจ เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ หรือปฏิรูปสถาบัน ทำได้หรือไม่ ไม่รู้ แต่ประกาศนโยบายไปแล้ว
ในอนาคตอันใกล้ หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง พรรคก้าวไกลถูกยุบ มีความเป็นไปได้ ที่อาจมี สส. ไปโผล่ ที่พรรคเพื่อไทย หรือพรรคการเมืองอื่น แต่เชื่อว่า ก้าวไกลก็คงไม่สนใจ เขาไม่ได้หวังรอบนี้ แต่รอบหน้า เขาหวังแลนด์สไลด์ แน่นอน … ปรากฏการณ์ที่ประเทศอังกฤษ เมื่อพรรคเลเบอร์ได้แลนด์สไลด์ ทำให้พรรคก้าวไกล มีกำลังใจและความหวังมากขึ้น ดังนั้น โอกาสที่เขาจะแลนด์สไลด์ ไม่ได้เหนือความคาดหมาย และเกินจากความเป็นจริง
“เศรษฐา” รอด ยังไร้ตัวแทนสายอนุรักษ์
อย่างไรก็ตาม หากให้วิเคราะห์ สถานการณ์เมืองคดีศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาถอดถอน เศรษฐา ทวีสิน ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 10 ก.ค.นี้ ในมุมการเมืองของ เทพไท เชื่อว่า นายเศรษฐา น่าจะรอด เพราะขณะนี้ฝ่ายอนุรักษ์นิยม ยังไม่มีตัวแทนที่จะมาก้าวขึ้นมาเป็นนายกฯ คนใหม่ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และนายชัยเกษม นิติสิริ ซึ่งปัจจุบันยังมีอาการป่วย
ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล เช่น พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ในฐานะพรรคตัวแทนฝ่ายอนุรักษ์ ผลโพลสำรวจกี่ครั้งก็ยังไม่ติดอันดับ ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ มีนายพีระพันธุ์ ผลโพล ยังได้แค่ 7 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นการเมืองวันนี้ จึงเป็นการจัดการ ระหว่างกลุ่มอนุรักษ์นิยมด้วยกัน ให้ลงตัวก่อน ระหว่างกลุ่มอนุรักษ์นิยมเก่าและกลุ่มอนุรักษ์นิยมใหม่ ซึ่งจะต้องสามัคคี และจับมือกันไปต่อให้ได้ อย่าหักหลัง หรือตระบัดสัตย์ต่อกัน
“ตัดพรรคก้าวไกลออกจากสมการไปเลย และการเมืองก็จะเป็นอัมโนแบบไทย ๆ คือ พรรคก้าวไกลชนะ ก็ยังตั้งรัฐบาลไม่ได้ ส่วนที่เหลือพรรคเพื่อไทย และพรรคอื่น ๆ ก็ต้องรวมกันต่อไป … ให้จับตาดู สว.สายน้ำเงิน ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์นิยม ในปีกของพรรคภูมิใจไทยดีกว่า การเข้ามาของ สว.กลุ่มนี้ จะทำให้พรรคฯ เข้มแข็งมากขึ้น คุมองค์กรอิสระ และจะมีผลต่อการเมืองภาพใหญ่ ในอนาคต คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะจุดยืนของพรรคภูมิใจไทย ไม่แก้รัฐธรรมนูญอยู่แล้ว” มุมมองการเมืองของอดีต สส.นครศรีธรรมราช
อ่านข่าวอื่น :
ดันครูศิลป์-ครูช่าง จดลิขสิทธิ์ศิลปหัตถกรรม ยกมาตรฐานสินค้าไทย