วันนี้ (7 ก.พ.2566) ผู้อำนวยการ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ยื่นคำร้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ขอปล่อยชั่วคราว น.ส.อรวรรณ หรือแบม จำเลยที่ 7 ในคดีหมายเลขดำ อ.765/2565
ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ร้องเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ทําการรักษาจำเลยที่ 7 ผู้ร้องจึงมิใช่ผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 106 แต่เมื่อความปรากฏตามคำร้องทำนองว่า จำเลยยืนยันปฏิเสธการรักษาและแจ้งความประสงค์ที่จะรับการรักษาจากโรงพยาบาลภายนอก โดยยังคงไม่กินอาหาร
อาการโดยรวมของจําเลยที่ 7 เลวร้ายลงมากจนอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ เนื่องจากมีภาวะคีโตนในเลือดสูงมากขึ้นและประสิทธิภาพการทำงานกรองของเสียของไตลดลงอย่างมาก จำเลยอยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะแก่การควบคุมตัวระหว่างพิจารณาคดี และสุขภาพร่างกายอยู่ในภาวะวิกฤตอย่างยิ่ง หากยังคงควบคุมตัวจำเลยเอาไว้มีโอกาสที่จำเลยอาจเสียชีวิตระหว่างการควบคุมตัวได้
สอดคล้องกับรายงานการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่และหนังสือของทัณฑสถานหญิงกลาง ที่อ้างถึงแถลงการณ์ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จึงน่าเชื่อว่า อาการเจ็บป่วยของจำเลยที่ 7 อยู่ในขั้นวิกฤต
หากขังจำเลยที่ 7 ต่อไป จำเลยที่ 7 อาจจะถึงอันตรายแก่ชีวิต เช่นนี้การกำหนดเงื่อนในการปล่อยชั่วคราวใด ๆ ในช่วงเวลานี้ จึงมิใช่สาระอันสำคัญและจำเป็นยิ่งไปกว่าการคุ้มครองดูแลชีวิตของจำเลยที่ 7 ทั้งจำเลยที่ 7 เจ็บป่วยถึงขั้นเป็นอันตรายแก่ชีวิต โอกาสที่จำเลยที่ 7 จะก่อภัยอันตรายหรือสร้างความเสียหายหลังจากการปล่อยชั่วคราวจึงเป็นไปได้ยาก อีกทั้งจำเลยที่ 7 เคยได้รับการปล่อยชั่วคราวมาแล้วช่วงเวลาหนึ่งและไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี
เมื่อความปรากฏต่อศาลเช่นนี้ อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 71 วรรคสาม และมาตรา 108 วรรคสอง จึงเห็นควรอนุญาตให้ปล่อยจำเลยที่ 7 ชั่วคราวโดยไม่มีประกัน ออกหมายปล่อยจําเลยที่ 7 และหมายแจ้งคำสั่งให้จำเลยที่ 7 และผู้ร้องทราบ กำชับให้จำเลยที่ 7 มาศาลตามที่นัดไว้แล้วด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ศาลให้ปล่อยชั่วคราว “ตะวัน” หลังแพทย์ร้องขอเหตุอาการวิกฤต