วันนี้ (15 ก.พ.2566) ที่อาคารรัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.เพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านมีความพร้อมในการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ในวันนี้ โดยได้เรียงลำดับ เริ่มจาก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้แถลงญัตติ ขยายความภาพรวมเนื้อหาตลอด 2 วัน
จากนั้น ตามด้วยกลุ่มหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หลังจากกลุ่มหัวหน้าพรรคจบ จะตามด้วย น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย จะอภิปรายในหัวข้อใหญ่ ที่สังคมกำลังติดตาม
จากนั้นจะตามด้วยการอภิปรายในหัวข้อกลุ่มเศรษฐกิจ แรงงาน และการต่างประเทศ และพรุ่งนี้ (16 ก.พ.) จะเป็นเรื่องยาเสพติด ปัญหาสังคม การทุจริต และปิดท้ายด้วยตนเป็นผู้อภิปรายสรุป
เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงเรื่ององค์ประชุมหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้าน มาครบ ไม่มีปัญหา มีปัญหาที่รัฐบาล วันนี้ต้องยอมรับตรงไปตรงมาว่ายัง 50-50 ส่วนฝ่ายค้านแม้จะมาครบยังไงก็ไม่เกินกึ่งหนึ่ง แต่ข่าวดีคือพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยืนยันว่า จะมาร่วมเป็นองค์ประชุม ก็ต้องลองลุ้นดู
อย่างไรเสีย หวังให้พรรคร่วมรัฐบาลร่วมกันรักษาระบบรัฐสภา ประชุมสภาฯ เล็ก ๆ น้อย ๆ จะล่มบ้างก็เป็นปกติ แต่การล่มองค์ประชุมระดับอภิปรายฯ ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ อยู่ที่สำนึก แต่เชื่อว่ารัฐบาลก็คงคิดอยู่ ไม่ถึงขั้นทำให้ระบบนี้หายไป
แต่หากสภาฯ ล่มวันนี้ พรุ่งนี้ประชุมต่อ ลุ้นอีกวัน แต่ถ้าพรุ่งนี้ยังล่ม ก็เจอกันที่นี่ นอกห้องประชุมสภาฯ ใช้โพเดียมด้านหน้า พร้อมเชิญสื่อมาฟังการอภิปรายนอกห้องประชุม
ส่วนจะห่วงพรรคร่วมรัฐบาลใดเป็นพิเศษหรือไม่ นายสุทิน เผยว่า นอกจากประชาธิปัตย์แล้ว ก็เป็นห่วงทุกพรรค ตนฟังว่าภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ยังไม่ให้ความมั่นใจมา พรรคอื่นก็พอๆ กัน แต่ก็คิดว่าประชาธิปัตย์จะเหลือกี่คน เพราะย้ายไปเยอะ
เมื่อถามว่าเหตุผลที่พรรคร่วมรัฐบาลจะล่มองค์ประชุมคืออะไร นายสุทิน มองว่า คิดอื่นไกลไม่ได้ คือกลัวการตรวจสอบ กลัวถูกขึงพืด เสียเครดิตก่อนเลือกตั้ง สู้ดีก็หนีดีกว่า ไม่มีเหตุผลอื่นใด
ส่วนกรณีหัวหน้าพรรคบางพรรคการเมืองไม่กำชับสมาชิกพรรคเข้าประชุม เพราะถือเป็นเอกสิทธิ์ และไม่ถือว่าเป็นอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุทิน ระบุว่า ถือเป็นการแก้ตัว หาเหตุผลไม่ร่วมประชุม ความจริงอภิปราย 152 เป็นการยกระดับเหนืออภิปรายทั่วไป ที่ผ่านมาเรื่องนี้ทุกพรรคถือเป็นความสำคัญมาตลอด