วันนี้ (16 พ.ค.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เป็นวันแรกหลังการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้กล่าวสั้นๆ กับผู้สื่อข่าว ด้วยท่าทีเรียบเฉย ก่อนเข้าประชุมตอนรัฐมนตรี ว่า “วันนี้ก็ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่”
ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ระบุถึงสถานการณ์การเมืองหลังการเลือกตั้งว่า หากพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะได้เวลาพักผ่อนกับครอบครัว เพราะที่ผ่านมาทำงานให้กับประเทศชาติมานาน และเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในใจของคนไทยทั้งประเทศอยู่แล้ว
หาก พล.อ.ประยุทธ์ได้พักก็เป็นเรื่องดี ส่วนแนวทางของพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็เดินหน้าทางการเมืองต่อไป เพราะพรรคก็มี ส.ส. และพร้อมจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน
ขอฝากไปถึงผู้ที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ควรจะมีวุฒิภาวะ ไม่ควรพูดจาเหน็บแนมผู้ใหญ่ของบ้านเมือง พูดให้ร้ายหน่วยงานของรัฐ ก้าวล่วงบางหน่วยงาน โดยเฉพาะหน่วยงานของทหารต่าง ๆไม่ควรจะไปกุเรื่องขึ้นมา เพราะในตอนนี้ไม่ใช่ในช่วงเวลาในการหาเสียงในการปราศรัยแล้ว แต่กำลังจะตั้งรัฐบาลควรมีความเป็นผู้ใหญ่ ไม่ควรสร้างวาทะกรรมให้เกิดความขัดแย้ง
นายธนกรกล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์อารมณ์ดี และไม่ได้พูดถึงการวางมือทางการเมือง แต่โดยส่วนตัวคิดเองว่า อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้พักผ่อนอยู่กับครอบครัว เพราะอย่างน้อยคนไทยได้เห็นสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้ทำให้บ้านเมือง โดยเฉพาะเรื่องโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ และโดยส่วนตัวยินดีที่จะทำงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ตลอดชีวิต
สำหรับความเป็นไปได้ที่พรรคก้าวไกลจะจัดตั้งรัฐบาลได้ก็ต้องรอดูกันต่อไป และหากพรรคอันดับ 1 จัดตั้งไม่ได้ ก็จะเป็นเรื่องที่พักอันดับ 2 คือ พรรคเพื่อไทย ที่จะจัดตั้งรัฐบาล
ขณะนี้ยังมีเวลา 2-3 เดือนในการจัดตั้งรัฐบาล และเชื่อว่าหากก้าวไกลจัดตั้งได้สำเร็จ เสียงรัฐบาล 310 เสียง ก็จะทำงานได้ ซึ่งต้องให้โอกาสรัฐบาลใหม่ในการทำงาน โดยเชื่อมั่นว่า ไม่มีพรรคการเมืองใดที่จะคิดในเรื่องที่เป็นอันตรายต่อประเทศชาติ
แม้คะแนนเสียงจะท่วมพ้นก็ต้องพิสูจน์กันที่ผลงาน อย่างเช่นที่เห็นในกรณีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แต่ขอว่า อย่าดูแคลน ส.ว. ที่จะทำหน้าที่โหวตนายกรัฐมนตรี ส่วนกระแสเรียกร้องให้ ส.ส.ในสภายกมือสนับสนุนนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ขึ้นอยู่กับตัว ส.ส. โดยส่วนตัวก็ไม่ได้เห็นด้วยกับนโยบายของนายพิธาและพรรคก้าวไกล แต่เคารพในเสียงของประชาชน