วันนี้ (25 ก.ย.2566) นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการขึ้นบัญชีผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ ว่า ขณะนี้อธิบดีกรมการปกครอง มอบหมายให้ปลัดจังหวัดทำบัญชีมาแล้ว ถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก จากนั้นจะแยกประเภท ซึ่งเคยบอกไปแล้วผู้มีอิทธิพลถ้าไม่เลิกเจอแน่ และจะไม่ทำแบบไฟไหม้ฟาง ไม่ใช่ตัวอยู่ในเรือนจำ หรือหนีไป แต่อาณาจักรยังอยู่แบบนี้ไม่ได้
ส่วนได้เห็นตัวเลขผู้มีอิทธิพลแล้วหรือไม่ว่ามีจำนวนเท่าใด รมช.มหาดไทย กล่าวว่า 76 จังหวัดก็รวมแล้วเป็นจำนวนมาก ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่ใช่ปัญหา เพราะอยู่ระหว่างปรับข้อสูล บางคนเสียชีวิต หากคนไหนยังไม่เลิกก็ต้องปรับตัวใหม่
ส่วนจะมีการทบทวนการครอบครองอาวุธปืนสวัสดิการหรือไม่ นายชาดา กล่าวว่า ต้องทบทวน โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ให้นโยบายไว้แล้ว และถ้าใครมีชื่อเป็นผู้มีอิทธิพล ก็จะตรวจสอบทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องปืย
นายชาดา ยังกล่าวถึงการตรวจสอบผู้มีอิทธิพลในวัดบางคลาน จ.พิจิตร ว่า เมื่อวันที่ 24ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าคณะจังหวัดพิจิตรได้ติดต่อมา โดยขอดูรายละเอียดก่อนว่า จะสามารถเดินทางไปวัดบางคลานได้หรือไม่ เพราะต้องขึ้นอยู่กับทางคณะสงฆ์ด้วย ซึ่งกรณีวัดบางคลานเป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่ทับซ้อนกันมานานพอสมควร จึงต้องตรวจสอบว่ามีเบื้องหลังอย่างไร และต้องสอบถามจากคนในพื้นที่ โดยมองว่า คนนอกพื้นที่ไม่ควรมายุ่ง ต้องว่ากันไปตามระบบ
ประเทศไทยวุ่นวายพอสมควร แม้แต่พระก็เข้าวัดไม่ได้ เป็นความรู้สึกที่กระทบกระเทือนจิตใจคนไทยทุกคน
ส่วนกรณีเชื่อมโยงกับสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) บางคนนั้น จะไม่เกรงใจกันแน่นอน ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน รัฐมนตรีก็อยู่ภายใต้กฎหมาย แต่เรื่องนี้ต้องพูดคุยทำความเข้าใจ และเจรจากันด้วยเหตุผลว่า สิ่งที่คณะสงฆ์ต้องการคืออะไร เพราะทางคณะสงฆ์ก็มี พ.ร.บ.สงฆ์ อยู่แล้ว แต่หากขัดแย้งกับคนในชุมชนก็ต้องมาคุยกัน ต้องเอาปัญหาออกมาพูดกัน