'ประยุทธ์' ยันมุ่งแก้ปัญหาที่ดินกลุ่มชาติพันธุ์ ขอโอกาสทำงานตอบแทนคุณแผ่นดิน

วันที่ 21 เม.ย. เวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พร้อมด้วย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และคณะ เดินทางมาที่มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ บนดอยแม่แจ่ม อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อพบปะประชาชน ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์บนดอยม่อนแจ่ม โดยมี ตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ ได้นำเสนอปัญหาที่ดินที่ทับซ้อน กับที่ดินของกรมป่าไม้ โดยระบุว่า ชุมชนทั้งหมดเป็นชาวม้ง ก่อนหน้านี้เคยปลูกฝิ่น แต่ปัจจุบันเปลี่ยนอาชีพมาทำอย่างอื่น

ทั้งนี้ ชาวบ้านสะท้อน ปัญหาว่า ขณะนี้ชาวบ้านกำลังมีปัญหาเรื่องที่ดินทับซ้อนกลับพื้นที่ของป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งเห็นว่านโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติเกี่ยวกับที่ดินจะสามารถมาช่วยแก้ปัญหา ความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านกับหน่วยงานของรัฐได้ ที่ผ่านมาได้เดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อร้องเรียนปัญหาดังกล่าว วันนี้ดีใจที่ พล.อ.ประยุทธ์ และนายพีระพันธุ์พร้อมคณะ เดินทางลงมาดูปัญหาด้วยตัวเอง

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนทราบปัญหานี้มาอย่างต่อเนื่อง อยากจะบอกว่าสิ่งที่กำลังจะดำเนินไปสู่การแก้ปัญหาเป็นแนวคิดที่ตนคิดขึ้นมาโดยเฉพาะ เรื่องที่ดินที่ทับซ้อนกับหน่วยงานของภาครัฐที่มีหลากหลายหน่วยงาน ทำให้การบริหารจัดการมีปัญหา ที่ผ่านมาตนพยายามหาทางว่า จะแก้ปัญหาอย่างไรเพื่อแก้ปัญหาความซับซ้อนในที่ดินของแต่ละหน่วยงาน เพื่อจะดูว่าเป็นพื้นที่ที่ใครรับผิดชอบอย่างแน่นอน 

ทั้งนี้ ปัจจุบันกำลังไล่แก้ปัญหาทั้งประเทศ ตอนนี้แนวคิดก็คือ ใครเป็นเจ้าของที่ดินแน่นอนและหาวิธีการอยู่ร่วมกัน ที่ผ่านมารัฐบาลก็ได้ทำอยู่และจะทำต่อไปหากได้เป็นรัฐบาลครั้งหน้า รัฐบาลทำมาโดยตลอดและไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำ แต่รัฐบาลที่ทำมา 8 ปี ทำมาแล้วและจะเห็นได้ว่าไม่เคยมีใครทำเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องยากแต่รัฐบาลภายใต้การนำของตนก็พยายามทำอาจจะต้องใช้เวลา และถ้าหากได้เป็นรัฐบาลอีกก็จะทำต่อไปเพราะ ที่ดินที่มีปัญหามีอยู่ทั่วประเทศ ตนให้นโยบายไป คือหาวิธีที่ดีที่สุดที่ไม่ทำให้คนเดือดร้อน ผมทำเพื่อตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน เพราะเกิดที่นี่หากินที่นี่แล้วจะไปตายที่ไหน นี่คือที่ดินที่เกิดที่อยู่ที่กินที่ตาย ช่วยกันรักษาที่ดินแผ่นนี้ไว้ แผ่นดินทองอย่าทำให้แตกแยก ถ้าเรามีหลักคิดของเราบ้านเมืองก็จะไปได้”พลเอกประยุทธ์กล่าวย้ำ

พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่า ตนและพรรครวมไทยสร้างชาติ มุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหานี้ให้สำเร็จ พร้อมทั้งขอให้ประชาชนที่อยู่บนดอยแม่แจ่มช่วยกันดูแลป่าและอย่าเผาป่าเพื่อไม่ให้เกิด ปัญหาฝุ่น PM 2.5

ด้าน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า นโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติเรื่องที่ทำกิน ประกาศไว้อย่างชัดเจนที่ผ่านมาทราบว่า มีปัญหาอยู่ทั่วประเทศ เพราะที่ดินรัฐมีอยู่ทั่วประเทศ ในขณะที่ประชาชนอาศัยอยู่มาแต่ดั้งเดิมเช่นกัน หลังจากที่ตนได้เข้ามาช่วยพลเอกประยุทธ์ทำงานจึงได้เห็นปัญหาทั้งหมด และพลเอกประยุทธ์ ก็มีดำริ ว่า จะต้องมีนโยบายที่มาแก้ปัญหาอย่างชัดเจน

พีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า พรรคได้กำหนดปัญหาเรื่องที่ดินเป็นนโยบายหลักและได้นำเสนอนโยบายนี้ต่อ กกต.เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาว่า ประชาชนจะอยู่กับป่าได้อย่างไรเพื่อให้ประชาชนทำมาหากินได้ไม่ถูกจับหรือถูกรังแก จะทำให้ทุกคนอยู่ด้วยกันได้ ดังนั้นนโยบายนี้จึงไม่ได้เป็นนโยบายที่แค่คิดก็เขียนขึ้นมา แต่เป็นนโยบายที่เกิดจากการเห็นปัญหาต่างๆและความเดือดร้อนของประชาชนมาโดยตลอด ซึ่งพลเอกประยุทธ์ก็ได้เห็นปัญหามาตลอดไม่เฉพาะเรื่อง ที่ดินของกลุ่มชาติพันธุ์ แต่ยังมีปัญหาเรื่องของบัตรประชาชนต่างๆ ซึ่งจะต้องมีการหาทางแก้ไขกันต่อไป

“พรรครวมไทยสร้างชาติมีนโยบายเตรียมแก้ไขเรื่องนี้ไว้หมดแล้ว ถ้าหากมีโอกาสได้เป็นรัฐบาลก็จะดำเนินการตามนโยบายของพลเอกประยุทธ์อย่างต่อเนื่องต่อไป ขอให้มั่นใจว่า พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่แค่เขียนนโยบายขึ้นมา แต่เอาจริงเอาจังกับการดำเนินการแก้ไขปัญหาทั้งหมด หลังการเลือกตั้งไม่ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะได้เป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็จะยังคงสู้ และแก้ปัญหาให้กับประชาชนทุกคนต่อไป” หัวหน้าพรรค รทสช.กล่าว

พีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยมีพื้นที่ป่ามากแต่กลับปรากฏว่า มีคนไม่มีที่ทำกินจำนวนมาก นอกจากนี้เราจะต้องทำอย่างไรให้ประชาชนมีรายได้ เพิ่มขึ้นซึ่งตนพูดในนามพรรค คือว่าจะทำอย่างไร ให้ประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด ตอนนี้ทราบว่า เรื่องที่ดินมีคนมีปัญหาอยู่ทั่วประเทศ มีถูกฟ้องร้องก็จำนวนมากจึงต้องค่อยๆแกะออกมาแก้ปัญหา ในอดีตไม่เคยมีใครเคยทำมาก่อน ซึ่งการแก้ปัญหาต้องฟังเสียงประชาชนเป็นหลักไม่อยากให้ใครเดือดร้อน วันนี้มาในฐานะของพรรครวมไทยสร้างชาติจึงพูดอะไรมากไม่ได้ แต่ขอให้มั่นใจพรรครวมไทยสร้างชาติจะสู้ให้กับทุกคน ตนเป็นคนไม่พูดโกหกอยู่แล้ว

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางมายังตลาดนัดศรีบุญเรืองเพื่อพบปะประชาชน ที่มารอต้อนรับ และได้เดินชมตลาดพร้อมทักทายประชาชนอย่างเป็นกันเอง โดยมีพ่อค้าแม่ค้าและคนมามาจ่ายตลาดขอถ่ายรูปด้วยจำนวนมากบรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก